One world

วันจันทร์-ศุกร์ 09.00-18.00 น.
วันเสาร์ 09.00-13.00 น.

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน 1-20 THE COMPASS BY ONE WORLD TOUR

January 19, 2021 | by One world

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #1 ?? ?? ประเทศเยอรมันมีปราสาท ป้อมปราการ และซากปรักหักพังกว่า 25,000 แห่ง ! แล้วเราเคยอยากเห็นเทพนิยายมีชีวิตขึ้นมาไหม? เราเดินผ่านป่าและภูสูงสู่ปราสาทโบราณที่ทุกอย่างยังเหมือนเมื่อเกือบ 200 ปีก่อน ‘เคอนิจส์วินเทอร์’ Königswinter หมู่บ้านที่มีเสน่ห์แห่งนี้เป็นที่ตั้งของหนึ่งในปราสาทที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดของเยอรมนี ปราสาทดราเคินบูร์ก ‘Schloss Drachenburg’ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1882-1884 น่าเสียดายที่ปราสาทตัวเองได้รับความเสียหายอย่างหนักในช่วงสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 และแม้จะมีการบูรณะตั้งแต่ปี 1995-2010 แต่ก็ยังสามารถมองเห็นรูกระสุนได้ที่ด้านหน้าปราสาท ปัจจุบันปราสาทดราเคินบูร์ก ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในปราสาทที่สำคัญที่สุดของศตวรรษที่ 19 ในเยอรมนี ตัวปราสาทตั้งอยู่บนยอดเขามังกร ‘Drachenfels’ ที่เกิดจากแมกม่าใต้เปลือกโลกที่สูงถึง 321 เมตรในแวดล้อมของป่าไม้และไร่องุ่น รอบๆ ปราสาทประดับด้วยต้นไม้โบราณและต้นโรโดเดนดรอน ‘Rhododendron’ หรือ กุหลาบพันปีและทิวทัศน์ที่น่าจดจำของหุบเขาไรน์

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #2 ?? ?? คาสตรา บอนเนเซีย ‘Castra Bonnensia’ ค่ายโรมันที่ก่อตั้งขึ้นช่วง 9-13 ปีก่อนคริสต์ศักราชนับเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์เมือง‘บอนน์’ หนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมนี อดีตเมืองหลวงของเยอรมันระหว่างปี 1949-1990 ด้วยภูมิทัศน์ของหุบเขาแม่น้ำไรน์ที่กว้างใหญ่สลับกันระหว่างหน้าผาเนินเขาเขียวชอุ่ม ภูเขาที่น่าเกรงขามปรากฏขึ้นบนขอบฟ้ารายล้อมเมืองในยุคกลางขนาดเล็กที่กระจัดกระจายไปตามริมฝั่งแม่น้ำ บอนน์มีเขตเมืองเก่าที่สวยงามไม่แพ้เมืองอื่นๆ ในเยอรมนี เหนือหลุมศพของทหารโรมัน Cassius และ Florentius คือที่ตั้งของ ‘Bonn Minster’ วิหารคาทอลิกแบบสไตล์โรมาเนสก์ที่ดีที่สุดในลุ่มแม่น้ำไรน์ และยังเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของเยอรมนีซึ่งถูกสร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 11-13 …อัญมณีอีกอย่างหนึ่งของเมืองคือ ‘ศาลาว่าการเมืองเก่า’ Altes Rathaus ที่สร้างในสไตล์โรโคโคในปี ค.ศ.1737-1780 บอนน์ยังเป็นที่รู้จักดีที่สุดในฐานะที่เป็นบ้านเกิดของนักประพันธ์ชื่อก้อง ‘ลุดวิก แวน บีโธเฟน’ ในเดือนเมษายนของทุกปีดอกเชอร์รี่บลอสซัมสีชมพูจะบานสะพรั่งเต็มสองข้างถนน Heerstrasse ยิ่งไปกว่านั้นบอนน์ยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “ประตูสู่แม่น้ำไรน์โรแมนติก” และด้วยเหตุผลเหล่านี้ทั้งหมดจึงเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมเมืองที่สวยงามแห่งนี้

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #3 ?? ?? เมืองใหญ่เมืองเดียวในเยอรมันที่ยังมีคำว่า ‘dorf’ ที่แปลว่า ‘หมู่บ้าน’ อยู่ในชื่อเมือง …‘ดึสเซลดอร์ฟ’ Düsseldorf เมืองหลวงของรัฐนอร์ทไรน์ – เวสต์ฟาเลียแลนด์ ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำไรน์ เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา สถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง ศิลปะที่เจริญรุ่งเรืองผสมผสานวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์เข้าด้วยกันในขณะที่ยังคงเป็นมหานครที่มีเอกลักษณ์และน่าหลงใหล แม้แต่โดยนโปเลียนยังเรียกว่าเมืองนี้ว่า “ลิตเติลปารีส” หลังจากเกิดความเสียหายอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองอาคารเก่าของเมืองหลายแห่งได้รับการซ่อมแซมและอาคารใหม่จำนวนมากถูกสร้างขึ้น สถาปัตยกรรมของดุสเซลดอร์ฟเป็นการผสมผสานแบบบาร็อคและอาคารยุคเรอเนสซองส์ ย่านประวัติศาสตร์ตามแนวแม่น้ำไรน์ ‘Altstadt’ ได้รับการบูรณะฟื้นฟูเป็นอย่างดี ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ‘ดึสเซลดอร์ฟ’ ได้เปลี่ยนจากหมู่บ้านเล็กๆ เติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดของเยอรมนี ดึสเซลดอร์ฟ ยังได้ขื่อว่ามี ‘บาร์ที่ยาวที่สุดในโลก’ ซึ่งที่จริงแล้วเป็นถนนที่มีบาร์มากกว่า 250 บาร์ตั้งอยู่ติดกันนั่นเอง

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #4 ?? ?? ปราสาทไวเชอร์ริง Burg Vischering ปราสาทจากศตวรรษที่ 12 ในเมืองลือดิงเฮาเซน เป็นหนึ่งในปราสาทที่ดีที่สุดและได้รับการอนุรักษ์ในเยอรมนี และอาจเป็นหนึ่งในปราสาทที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ที่สุดในเวสต์ฟาเลียที่ยังคงรักษารูปลักษณ์ที่สมบูรณ์ ปราสาทถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันรักษาความปลอดภัย มั่นคงด้วยกำแพงและมีคูน้ำล้อมรอบ รวมถึงลานป้องกันด้านนอก สะพานชัก อาคารหลักและโบสถ์ ผนังหินทรายหลังคากระเบื้องสีแดงและเงาสะท้อนในคูเมืองทำให้มองเห็นทิวทัศน์ที่กลมกลืนกันจากสภาพแวดล้อมที่เป็นป่าไม่โดยรอบ แสงจากดวงอาทิตย์และสายลมบนผืนน้ำทำให้เกิดการสะท้อนแสงที่น่าตื่นตาซึ่งจะเพิ่มความมีชีวิตชีวามีธรรมชาติที่ทำให้เกิดบรรยากาศที่โรแมนติก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1944 ระเบิดทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก การสร้างใหม่เริ่มขึ้นทันทีหลังสงครามสงบ ชาวเมืองลือดิงเฮาเซน มักจะเรียกปราสาทไวเชอร์ริงว่า ‘Wasserschloss’ หรือ ‘ปราสาทน้ำ’

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #5 ?? ?? “สงคราม 30 ปี” จบลงที่เมืองนี้…‘มุนสเตอร์’ Munster เมืองที่มีประวัติย้อนหลังไปถึงปี ค.ศ.793 อารามเก่าแก่ถูกก่อตั้งขึ้นในพื้นที่ในช่วงเวลาของจักรพรรดิชาร์ลเลอมาญ เมื่อเดินไปถนนสาย Prinzipalmarkt อันเก่าแก่เรียงรายไปด้วยอาคารหน้าจั่วที่สวยงาม เข้าสู่ใจกลางเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของ ‘วิหารเซนต์พอล’ ที่โดดเด่นในศตวรรษที่ 13 ได้รับการบูรณะให้เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โรมันเนสก์และโกธิกตอนปลายในแบบดั้งเดิม หนึ่งในมนต์เสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของวิหารคือนาฬิกาดาราศาสตร์ในศตวรรษที่ 16 ใกล้ๆ กันคือ Stadtweinhaus โรงบ่มไวน์ปี 1615 ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของร้านค้าและร้านจำหน่ายไวน์ และ ‘ศาลาว่าการเมือง’ Rathaus ที่สง่างามและภาคภูมิใจของชาวเมือง อาคารแบบโกธิกได้รับการบูรณะอย่างดีในช่วงปี 1950 ให้เป็นลักษณะดั้งเดิมจากช่วงกลางศตวรรษที่ 14 ซึ่งในอดีตปี ค.ศ.1648 ได้มีการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพที่ศาลาว่าการเมืองแห่งนี้ ซึ่งเป็นการยุติของสงครามสามสิบปี และมุนเสตอร์ก็ได้รับฉายาว่า “เมืองแห่งสันติภาพแห่งเวสฟาเลียน”

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #6 ?? ?? กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ เมือง ‘ฮามาลิน’ ชายคนหนึ่งมาที่เมืองนี้เพื่อรับจ้างกำจัดหนูที่มีอยู่มากมายในเมือง เขาได้เป่าขลุ่ยและเดินลงไปในแม่น้ำ เสียงเพลงทำให้ฝูงหนูได้ตามเขาลงไปในน้ำแล้วจมน้ำตาย แต่เมื่อเขากลับไปเพื่อรับเงินค่าจ้าง กลับได้รับการปฏิเสธ เขาโกรธและจากไป …วันรุ่งขึ้นเขาก็ปรากฏตัวในเมืองและได้เป่าขลุ่ยอีกครั้ง เสียงเพลงทำให้เด็กทุกคนในเมืองวิ่งตามเขาออกจากเมืองไปที่ถ้ำบนภูเขา …นับแต่นั้นมาไม่มีใครเห็นชายเป่าขลุ่ยและเด็กๆ เหล่านั้นอีกเลย… จากเทพนิยายของพี่น้องกริมส์ ที่ชื่อว่า ‘The Pied Piper of Hamelin’ … เมืองฮาเมลิน Hameln อาจกลายเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกไม่ใช่เพราะมันมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและทิวทัศน์ที่สวยงามเท่านั้น ! จากอารามเซนต์โบนิเฟซเล็กๆ ที่ก่อตั้งในปี 851 สู่หมู่บ้านหนึ่งที่ค่อยๆ เติบโตและกลายเป็นเมืองในศตวรรษที่ 12 และเจริญรุ่งเรืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองเริ่มต้นขึ้นในปีศตวรรษที่ 16 ฮาเมลินถูกล้อมรอบด้วยป้อมปราการสี่แห่งซึ่งทำให้มีฉายาว่า “ยิบรอลตาร์เหนือ” และต่อมาได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่ม ‘ฮันซีติก’ แต่ความเจริญรุ่งเรืองต้องมาหยุดลงเมื่อเยอรมันพ่ายแพ้ต่อกองทัพฝรั่งเศสซึ่งนำโดยนโปเลียน โบนาปาร์ต

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #7 ?? ?? ‘ฮันโนเวอร์’ Hannover เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐโลว์เออร์แซกโซนี อดีตหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำลีนที่กลายเป็นเมืองใหญ่ในศตวรรษที่ 13 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮันโนเวอร์ถูกทิ้งระเบิดและ 90% ของเมืองถูกทำลาย ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของใจกลางเมืองคือ  Marktkirche นี่คือตัวอย่างของรูปแบบสถาปัตยกรรมที่มักพบในภาคเหนือของเยอรมนี อาคารก่อด้วยอิฐสีแดงเป็นลักษณะเด่นในหลายเมืองและหมู่บ้านทางตอนเหนือ บนถนน Burgstrasse ใกล้กับ Marktkirche มีบ้านปูนครึ่งไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในฮันโนเวอร์ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 16 …วันนี้ฮันโนเวอร์เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาด้วยการผสมผสานของสถาปัตยกรรมโบราณกับความเป็นมหานครที่ทันสมัยที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเมืองเล็กๆ ที่งดงาม

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #8 ?? ?? ‘อย่าปล่อยให้ตัวเองหลงเสน่ห์และย้อนกลับไปใช้ชีวิตในราชสำนักของศตวรรษที่ 19 ในระหว่างการเยือนปราสาทแห่งนี้’ …Marienburg Castle ปราสาทมาเรียนบูร์ก ปราสาทเทพนิยายที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งฮันโนเวอร์ เรื่องราวของปราสาทที่งดงามแห่งนี้เป็นเรื่องราวของความรักที่แท้จริงที่กษัตริย์จอร์จที่ 5 แห่งฮันโนเวอร์ที่มีต่อเจ้าหญิงมารีแห่งแซ็กซ์ – อัลเทนบูร์ก ทรงสร้างปราสาทนี้ให้แก่พระชายาอันเป็นที่รักเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 39 ปี …ปราสาทที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาในหุบเขาอันเขียวชอุ่มของแม่น้ำลีนหลังนี้สร้างขึ้นระหว่างปี 1858-1867 เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมนีโอโกธิคของเยอรมัน แต่การก่อสร้างยังไม่เสร็จสมบูรณ์เมื่อราชอาณาจักรฮันโนเวอร์แพ้สงครามกับปรัสเซียในปี 1867 เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งสองพระองค์ต้องถูกเนรเทศไปที่ออสเตรีย และไม่ได้กลับมาที่ปราสาทแห่งนี้อีกเลย

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #9 ?? ?? เซลเลอ’ Celle คือเมืองที่ไม่ควรพลาดเลยในขณะเราได้มาเยี่ยมชมทางตอนใต้ของโลเวอร์-แซกโซนี เมืองเล็กๆ ที่เก่าแก่ทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอัลเลอร์ มี ‘ปราสาทเซลเลอ’ Schloss Celle ที่สร้างขึ้นในสไตล์เรเนสซองและบาร็อคที่สง่างาม ซึ่งเคยเป็นที่พำนักอย่างเป็นทางการของดยุตแห่งแซ็กซ์-วิตเทนเบิร์ก และดยุกแห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์คมาเกือบสามศตวรรษ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นปราสาทที่งดงามในฤดูร้อนของเจ้าชายอีเลคเตอร์ และกษัตริย์แห่งฮันโนเวอร์บรรพบุรุษของราชวงศ์อังกฤษแห่งวินด์เซอร์ เซลเลอมีชื่อเสียงในเรื่องบ้านปูนกึ่งไม้ Timber-Frame ที่มีมากกว่า 400 หลังในใจกลางเมือง บ้านหลังที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 15 เมืองเซเลอนั้นคุ้มค่าแก่การเยี่ยมชมสำหรับผู้ที่ต้องการเพลิดเพลินกับเมืองเยอรมันแท้ๆ ที่สงบสุข อย่าลืมแวะที่ร้านอาหารในใจกลางเมืองเพื่อดื่มเบียร์ท้องถิ่นและลิ้มลองอาหารเยอรมันแบบดั้งเดิมในบรรยากาศที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลของเมืองเล็กๆเมืองนี้

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #10 ?? ?? “Town Musicians of Bremen” ของพี่น้องกริมม์ เป็นเรื่องราวของ ลา สุนัข แมว และไก่ ซึ่งหลังจากทำงานหนักมาตลอดชีวิตแต่ถูกทอดทิ้งและถูกทำร้ายโดยเจ้านายเก่าของพวกเขา ในที่สุดพวกเขาตัดสินใจที่จะหนีไปและกลายเป็นนักดนตรีในเมือง ‘เบรเมน’ เมืองที่ใหญ่ที่สุดในแม่น้ำเวสเชอร์ เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของเยอรมันที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,200 ปี อยู่ห่างจากทะเลเหนือเพียงแค่ 70 กม.ท่าเรือเบรเมนเป็นหนึ่งในท่าเรือใหญ่ที่สุดของเยอรมนีและยังเป็นหนึ่งในเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญของยุโรปเหนือ การผสมผสานกันอย่างลงตัวของอาคารสถาปัตยกรรมยุคกลางกับอาคารสมัยใหม่ ถนน Böttcherstraße ที่มีเอกลักษณ์สร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์ในสไตล์อาร์ตนูโว ตรอกแคบๆ ที่เรียงรายไปด้วยอาคารอิฐสีแดงที่ประดับประดาด้วยหินทรายที่สลับซับซ้อนและหน้าต่างที่มีสีสัน เขตเมืองเก่าได้รับการบูรณะเป็นอย่างดี โบสถ์สมัยศตวรรษที่ 11, บ้านชาวประมงเก่าแก่ และ ‘Bremer Rathaus’ ศาลาว่าการกอธิคที่มีซุ้มแบบเรอเนสซองก์ อาคารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกเมื่อปี 2004 แห่งนี้มีอายุย้อนกลับไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สำคัญที่สุดของสถาปัตยกรรมโกธิกในยุโรป…เบรเมนมีความสำคัญในกลุ่มฮันซีติกมากเพราะเป็นศูนย์กลางการค้าและเป็นเมืองท่าสำหรับจัดการวัตถุดิบและอาหาร ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #11 ?? ?? เสียงร้องของนกนางนวลรอบๆ ท่าเรือไปจนถึงลำคลองภายในเมืองทำให้เราไม่สามารถหลบหนีจากจิตวิญญาณแห่งท้องทะเลของเมืองนี้ได้ นี่คือมหานครที่มีกลิ่นอายของท่าเรือและประวัติศาสตร์อันยาวนาน …Hamburg ‘ฮัมบูร์ก’ เมืองท่าเรือและศูนย์กลางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเอลเบ เข้าร่วมกับกลุ่ม ‘ฮันซีติก’ ซึ่งเป็นผู้ผูกขาดทางการค้ายุคกลางทั่วยุโรปตอนเหนือตั้งแต่ปี 1214 ฮัมบูร์กประสบความสำเร็จในการคงไว้ซึ่งความงดงามของโลกยุคเก่าควบคู่ไปกับชีวิตการค้าที่รุ่งเรือง บริเวณเขตเมืองเก่า เป็นอดีตชุมชนยุคกลางล้อมรอบด้วยท่าเรือและถนนสายต่างๆ ที่เรียงรายอยู่ตามแนวของป้อมปราการโบราณ ภายในนี้มีอาคารอันทรงคุณค่าที่เตือนผู้มาเยือนประวัติศาสตร์พันปีของเมือง อาคารแบบอาร์ตนูโวที่สวยงามและบ้านทรงสูงและแคบที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ถึงศตวรรษที่ 19 ตั้งเรียงรายอยู่ตามลำคลองชวนให้นึกถึงกรุงอัมสเตอร์ดัม ช่วงเวลาแห่งการรุ่งเรืองของสถาปัตยกรรมเกิดขึ้นในช่วงปี 1920-1930 เมื่อมีการคืนชีพบ้านที่ใช้อิฐสีแดงเข้มแบบดั้งเดิมของชาวเยอรมันเหนือ ฮัมบูร์กได้รับการขนานนามว่าเป็น “ประตูสู่โลก” ของเยอรมนี ผู้คนนับล้านเดินทางออกจากยุโรปเพื่อเดินทางสู่โลกใหม่ผ่านท่าเรือฮัมบูร์กแห่งนี้…

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #12 ?? ?? เยอรมนีเต็มไปด้วยเมืองเก่าที่มีเสน่ห์และโรแมนติกมากมาย หลายเมืองที่หลบเร้นสายตา หลายเมืองที่ไม่ได้ถูกแตะต้องในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเลย หนึ่งในนั้นคือ…Schwerin ‘ชเวริน’ เมืองในอุดมคติที่ให้ความรู้สึกถึงเสน่ห์ของโลกเก่า ตั้งอยู่ในวงล้อมของทะเลสาบและท่ามกลางแมกไม้สีเขียวขจี และยังเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดรัฐเมคเลนบูร์ก-เวสเทิร์นพอเมอราเนีย ในภาคเหนือของประเทศเยอรมนี ถนนและตรอกซอยแคบๆ ภายในเมืองและอาคารบ้านเรือนที่เก่าแก่น่าสนใจจนทำให้เราต้องเข้ามาสำรวจเมืองเล็กๆ แห่งนี้ โดยเฉพาะ Schwerin Castle ‘ปราสาทชเวริน’ อันโรแมนติกที่ตั้งอยู่บนเกาะที่ล้อมรอบด้วยภูมิทัศน์ที่งดงามของทะเลสาบชเวรินเนอร์และป่าชเวริน ดูเหมือนเราได้พบกับปราสาทจากเทพนิยายที่เป็นจริงขึ้นมาแล้ว …ปราสาทแห่งนี้เป็นหนึ่งในที่พักอาศัยหลักของดุ๊กและแกรนด์ดุ๊กแห่งเมคเคลนบูร์ก ซึ่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1845-1857 ในสไตล์นีโอเรเนสซองส์ ถือเป็นอาคารที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป นี่คือหนึ่งในปราสาทที่งดงามที่สุดของเยอรมันจนได้รับฉายาว่า “Neuschwanstein of the North”

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #13 ?? ?? รอสต็อก Rostock เมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดบนชายฝั่งบอลติกของเยอรมัน เป็นหนึ่งในสมาชิกที่สำคัญที่สุดของกลุ่ม ‘ฮันซีติก’ ที่มีอดีตอันรุ่งโรจน์กว่า 800 ปี รอสต็อกยังคงรักษาเสน่ห์ในอดีตของเมืองพ่อค้าในยุคกลางไว้มากมาย ส่วนหนึ่งของเสน่ห์นี้คือ Warnemünde ที่ชาวเมืองรอสต็อกซื้อเมื่อหลายร้อยปีก่อนตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้าท่าเรือ… ‘Alter Strom’ คือทางเดินเล่นที่มีบ้านชาวประมงเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นร้านค้าและร้านอาหาร ด้วยประวัติศาสตร์เกือบพันปีที่นี่มีมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปตอนเหนือซึ่งมีอายุย้อนไปถึงปี 1419 มีอาคารจำนวนมากรอดพ้นจากสงครามในปี 1942 เช่น โบสถ์โกธิกในยุคกลาง บ้านของพ่อค้าที่มีหน้าจั่วแบบเรอเนสซองซ์ที่ตั้งอยู่รอบๆ จตุรัส Neuer Markt หรือกำแพงป้องกันของเมืองในศตวรรษที่ 13 รวมถึงศาลาว่าการเมืองอาคารอิฐสไตล์โกธิคผสมเรอเนสซองส์และบาโรกที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมนี

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #14 ?? ?? ‘วิสมาร์’ Wismar ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเยอรมนีริมทะเลบอลติกในรัฐเมคเลนบูร์ก – ฟอร์พอมเมิร์น เดิมเป็นเมืองท่าการค้าและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มการค้าที่มีอำนาจที่เรียกว่า ‘ฮันซีติก’ ที่เฟื่องฟูในช่วงศตวรรษที่ 13 และ 14 วิสมาร์ถูกปกครองโดยสวีเดนตั้งแต่ปี 1648 ถึงปี 1903 ได้รับความเสียหายอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ประวัติศาสตร์หลายแห่งถูกทำลาย แต่อาคารในเขตเมืองเก่าที่สร้างด้วยอิฐใจกลางเมืองยุคกลางยังคงอยู่โดยมีตัวอย่างที่ดีให้เห็นมากมายของบ้านหน้าจั่วยุคกลางและอาคารสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ได้รับการอนุรักษ์และบูรณะไว้อย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งของเยอรมันที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 2002 จตุรัสกลางเมืองวิสมาร์มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนีล้อมรอบด้วยอาคารที่เป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบโกธิคจนถึงสไตล์อาร์ตนูโว ‘วิสมาร์’ คือหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดริมชายฝั่งทะเลบอลติกของเยอรมนี

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #15 ?? ?? มีเหตุผลมากมายที่ควรไปเยือน ‘ลือเบค’ Lübeck ไม่เพียงแต่เป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งเท่านั้น  ลือเบคยังเป็นเมืองท่าเรือสำคัญแห่งหนึ่งของเยอรมัน เป็นศูนย์กลางในเครือข่ายท่าเรือรอบทะเลบอลติก และยังมีฐานะที่เป็นเมืองหลวงของกลุ่ม ‘ฮันซีติก’ อีกด้วย ลือเบคตั้งอยู่รัฐชเลสวิก-โฮลชไตน์ของเยอรมัน เป็น ‘เมืองแห่งเจ็ดหอคอย’ มาเป็นเวลาหลายร้อยปีและแม้กระทั่งหลังจากการโจมตีทิ้งระเบิดครั้งรุนแรงในปี 1942 หอคอยเหล่านี้ก็ยังประดับเส้นขอบฟ้าและตั้งตระหง่าอยู่ในเมืองเก่าบนเกาะในแม่น้ำทราเวอตลอดมา ในปี 1987 ย่านเมืองเก่าของลือเบคกลายเป็นเมืองแรกในยุโรปเหนือที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม อาคารหน้าจั่วและโกดังเก่าซึ่งเป็นร่องรอยของการค้าที่นำมาซึ่งชื่อเสียงและอำนาจในยุคกลาง และศาลาว่าการเมืองเก่านั้นเต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรืองในขณะที่โบสถ์หลักทั้ง 5 แห่งยังคงตกแต่งด้วยศิลปะยุคกลางและยุคเรอเนสซองส์ทำให้ลือเบคคืออัญมณีในศตวรรษที่ 12 ที่มีอาคารเก่าแก่มากกว่าหนึ่งพันแห่งเป็นเครื่องเตือนใจอันยาวนานถึงบทบาทของเมืองนี้ในฐานะหนึ่งในเมืองผู้ก่อตั้งกลุ่มการค้าอันยิ่งใหญ่ สมกับนิยามที่ว่า Queen of the Hanseatic’

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #16 ?? ?? เหล่านกนางนวลบินร่อนฝ่าสายลมที่พัดพาอากาศบริสุทธิ์แห่งท้องทะเลเข้ามาสู่มืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว… ‘คีล’ Kiel เมืองหลวงของรัฐชเลสวิก –โฮลชไตน์ทางตอนเหนือของเยอรมัน จากหมู่บ้านของชาวเดนมาร์กในศตวรรษที่ 8 ได้ถูกผนวกโดยปรัสเซียจนกระทั่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนีในปี 1871 คีลเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มฮันซีติกในปี 1284 แต่ก็ถูกขับออกจากกลุ่มในปี 1431 เนื่องจากเป็นพื้นที่หลบภัยของเหล่าโจรสลัด ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองคีลเป็นแหล่งผลิตเรือดำน้ำที่สำคัญของเยอรมัน จึงเป็นเป้าหมายของการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร เป็นผลให้เมืองถูกทำลายอย่างหนัก ทำให้อาคารเก่าแก่หลายแห่งพังทลาย สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ได้รับการบูรณะหลังปี 1945 เช่น จัตุรัสเมืองเก่า Alter Markt และอาคารที่ตั้งบนถนน Holstenstrasse ซึ่งเป็นย่านคนเดินเท้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเยอรมันได้ฟื้นคืนความรุ่งเรืองในอดีต โบสถ์เซนต์นิโคลัส โบสก์สไตล์โกธิก และพระราชวังดยุกแห่งโฮลชไตน์-กอททอร์ป ซึ่งอนาคตซาร์ปีเตอร์ที่ 3 แห่งรัสเซียประสูติ ณ พระราชวังแห่งนี้

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #17 ?? ?? ‘เฟลนส์บวร์ก’ Flensburg อดีตเมืองการค้าที่สำคัญที่สุดของเดนมาร์กในภูมิภาคบอลติก หนึ่งในเมืองที่อยู่เหนือสุดในเยอรมนี เป็นเมืองท่าเรือที่ตั้งอยู่บนฟยอร์ดริมทะเลบอลติกเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของกลิ่นอายสแกนดิเนเวียที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมทางทะเลและมีเรื่องราวเล่าขานกว่า 800 ปี เป็นเวลาหลายศตวรรษที่เฟลนส์บวร์กอยู่ในดินแดนของเดนมาร์กตั้งแต่ปี 1864 อนุสาวรีย์บางแห่งมีตราแผ่นดินของราชวงศ์เดนมาร์กและยังมีชุมชนและวัฒนธรรมเดนมาร์กที่เข้มแข็งอยู่ในเมือง เนื่องจากเฟลนส์บวร์กแทบจะไม่ถูกทำลายในสงครามโลกครั้งที่สองเลย จึงมีร่องรอยของประวัติศาสตร์ในเมืองเก่าที่สวยงามไม่ว่าจะเป็นถนนแคบๆ จัตุรัสขนาดใหญ่และจตุรัสแบบดั้งเดิมรวมถึงอาคารในสไตล์โกธิคก่ออิฐ เช่น โบสถ์เซนต์มาเรียนและเซนต์นิโคไล อย่าลืมเวะชิมเบียร์ Flensburger ที่ผลิตจากเมืองนี้และเป็นหนึ่งในเบียร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเยอรมนี

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #18 ?? ?? โอเดนเซ’ Odense เมืองทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่เราสามารถสัมผัสประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองได้อย่างชัดเจน โอเดนเซยังคงเป็นเมืองที่มหัศจรรย์ทางวรรณกรรม เพราะนี่คือบ้านเกิดของนักเขียนเทพนิยายชื่อดังของโลก ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน (ผู้เขียนเรื่อง “The Little Mermaid” และ “The Ugly Duckling”) จินตนาการที่มีชีวิตชีวาของเขายังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับเมืองผ่านย่านประวัติศาสตร์และสัมผัสชีวิตของเมืองเมื่อ 200 ปีก่อน รวมถึงปราสาทแห่งเทพนิยายของเดนส์มาร์ก ‘ปราสาทเอเกสโคฟ’ Egeskov Castle ถูกสร้างขึ้นในกลางศตวรรษที่ 16 บนเกาะฟิน Fyn ที่ดูสงบและงดงามและมีบรรยากาศโรแมนติกที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี นี่คือปราสาทสไตล์เรอเนสซองส์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ปราสาทหลังนี้ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องสวนที่สวยงามซึ่งได้รับการยอมรับว่าสวยงามที่สุดของเดนมาร์ก และยังได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่หนึ่งใน 50 แห่งที่สวยงามที่สุดในยุโรปอีกด้วย

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #19 ?? ?? รอสไคลด์’ Roskilde ตั้งอยู่ที่ปลายสุดของรอสไคลด์ฟยอร์ด มีประวัติศาสตร์อันยาวนานสืบมาตั้งแต่ก่อนคริสต์ศักราชยุคไวกิ้ง อดีตเมืออันเป็นที่ตั้งของราชอาณาจักรเดนมาร์กเมื่อ 1,000 ปีก่อน นี่คือเมืองหลวงของเดนมาร์กตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 จนถึงปี ค.ศ. 1443 เมื่อถึงยุคกลางด้วยการสนับสนุนของกษัตริย์และบาทหลวง รอสไคลด์ได้กลายเป็นศูนย์กลางที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในสแกนดิเนเวีย ในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 กษัตริย์ไวกิ้ง ‘แฮโรลด์ บลูทูธ’ Viking King Harald Bluetooth สร้างโบสถ์คริสต์ที่ทำด้วยไม้แห่งแรกของเกาะซีแลนด์ ซึ่งถูกแทนที่ด้วยอาคารหินในปี 1026 มหาวิหารรอสไคลด์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี 1995 ด้วยวิหารของราชวงศ์ที่มีเอกลักษณ์มากมายที่สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมยุโรปที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงหลายร้อยปี และยังเป็นมหาวิหารโกธิคแบบสแกนดิเนเวียยุคแรกที่สร้างด้วยอิฐ ในช่วง 600 ปีที่ผ่านมากษัตริย์ ราชินีและราชวงศ์รวม 39 พระองค์ได้นอนพักอยู่ภายใต้มหาวิหารแห่งนี้…ความมั่งคั่งเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเมืองหลวงย้ายไปที่ ‘โคเปนเฮเกน’ ในปี 1443

เยอรมันเหนือ – เดนมาร์ก * ฮันซีติก 11 วัน #20 ?? ?? ปิดท้ายการเที่ยวฮันซีติกที่เมือง ‘โคเปนเฮเกน’ Copenhagen หากย้อนกลับมาที่โคเปนเฮเกน ในศตวรรษ 11 จะพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในหมู่บ้านชาวประมงที่เงียบสงบโดยมีฝูงวัวขี้เกียจเคี้ยวหญ้าสีเขียวสดจากทุ่งหญ้าที่ขึ้นรอบๆ หมู่บ้าน ไกลออกไปทางทิศตะวันออกคือเกาะเล็กเกาะน้อยจำนวนมากทอดตัวสงบนิ่งอยู่กลางท้องทะเล ปี ค.ศ.1167 บิชอปอับซาลอนแห่งรอสไคลด์ได้สร้างปราสาทบนเกาะเล็กๆ นอกชายฝั่งและสร้างป้อมปราการที่มีเชิงเทินและคูเมืองล้อมรอบ จนล่วงมาถึงปี ค.ศ.1445 โคเปนเฮเกนถูกกำหนดให้เป็นเมืองหลวงของเดนมาร์กและเป็นที่พำนักของราชวงศ์ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 การค้าของโคเปนเฮเกนเริ่มเฟื่องฟูและเมืองก็ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันเสน่ห์ของโคเปนเฮเกนคือเมืองหลวงที่สะดวกสบายที่สุดของยุโรปเหนือที่เต็มไปด้วยคาเฟ่ ร้านค้า และร้านอาหารที่ดีที่สุดในสแกนดิเนเวียรวมถึงพระราชวังเก่าแก่หลายศตวรรษ บรรยากาศของหมู่เกาะริมทะเลบอลติกที่โรแมนติกทำให้เรารู้สึกสบายและตื่นตาตื่นใจไปกับอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่กลางเมืองที่ขนานไปกับถนน ‘Strøget’ ซึ่งเป็นถนนช้อปปิ้งที่ยาวที่สุดในยุโรป

ท่านสามารถดูโปรแกรมทัวร์และรายละเอียดของโปรแกรมนี้ได้ผ่านลิงค์นี้

>>

บทความท่องเที่ยวนี้เป็นบทความให้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ จัดทำโดย บริษัทวันเวิลด์ทัวร์แอนด์ทราเวลจำกัด อนุญาตให้ใช้เพื่อ การให้ความรู้ การอ้างอิงนำเสนองานทางการวิจัย การศึกษา ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ในเชิงธุรกิจ หรือ แสวงหากำไร โดยมิได้รับอนุญาต

อ้างอิง วันเวิลด์ทัวร์แอนด์ทราเวลจำกัด. (2564). เยอรมันเหนือ เดนมาร์ค ฮันซีติค 11 วัน. สืบค้นจากอินเตอร์เน็ตเมื่อวันที่ …….. จากเว็บไซต์ www.oneworldtour.co.th